รีโนเวทคืออะไร?

การีโนเวทคือการบูรณะหรือซ่อมแซม ทำใหม่ปรับปรุงเปลี่ยนเปลงรูปแบบหรือทำให้กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง การรีโนเวทบ้านหรืออาคารต่างๆ เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนสิ่งๆ ให้เข้ากับการใช้งานในปัจจุบัน หรือปรับเปลี่ยนสภาพที่ทรุดโทรมไปตามการเวลาให้กลับมาใช้งานได้เหมือนใหม่อีกครั้ง การรีโนเวทบ้าน คอนโดมีเนียมในปัจุบัน เป็นที่นิมยมมากขึ้น แต่ต้องดูถึงความเหมาะสมอีกด้วย

ข้อดีของการรีโนเวทบ้าน

1. ช่วยในการยืดอายุการใช้งานของบ้านให้นานขึ้น
2. เพื่อตอบสนองความต้องการพื้นที่ใช้สอยพื้นที่ต้องที่เปลี่ยนไป
3. เพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้ที่อยู่อาศัย
4. เพื่อความปลอดภัยให้กับผู้ที่พักอาศัยอยู่ในบ้าน
5. เพื่อเพิ่มมูลค่าในกรณีที่มีการซื้อขายกัน

สิ่งที่ควรคำนึงก่อนรีโนเวทบ้าน

1. ข้อกำหนดทางกฎหมาย

การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงส่วนต่างๆ ของบ้านว่า “การดัดแปลง” ซึ่งครอบคลุมถึงการต่อเติม เพิ่ม ลด ขยาย เปลี่ยนสัดส่วน/น้ำหนัก ให้บ้านมีลักษณะต่างจากเดิม การดัดแปลงบ้านจำเป็นต้องดำเนินการยื่นเรื่องขออนุญาต จึงจะสามารถทำการต่อเติม ดัดแปลง ส่วนที่ต้องการได้

2. การประเมินค่าใช้จ่ายและการตั้งงบ

การทำในส่วนนี้เราจะสามารถทราบได้ถึงทิศทางของรูปแบบงาน ที่สามารถเป็นไปได้ควรมีการประเมินราคาสิ่งของหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อให้อยู่ในงบประมาณที่เรากำหนดไว้ และควรมีการทำงบสำรองเพื่อใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินต่างๆ เช่น ราคาของวัสดุที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือ การก่อสร้างมีการล่าช้าจากปัจจัยต่างๆ จึงจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากที่เราวางไว้

3. การออกแบบ

ในการออกแบบนักออกแบบจะออกแบบตามความต้องการที่เราได้แจ้งกับทางนักออกแบบไป ในส่วนนี้เราต้องตำนึงถึงความสวยงามและประโยชน์ใช้สอยที่ใช้งานได้จริง และอยู่ในงบประมาณที่เราได้ตกลงกันไว้ ผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านต้องมีการตรวจสอบแบบก่อนเสมอก่อนให้ช่างลงมือเริ่มปฏิบัติงาน เพราะถ้ามีจุดไหนที่ต้องการแก้ไขจะได้แก้ไขได้อย่างทันท่วงที

4. โครงสร้างเดิม

ก่อนที่เราจะทำการรีโนเวทบ้าน ต้องตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่าโครงสร้างเดิมบ้านของเรามีความแข็งแรงอยู๋หรือเปล่าหรือมีส่วนไหนที่มีความเสียหาย ส่วนนี้ถ้าเจ้าของบ้านไม่มีความรู้เรื่องช่าง ในส่วนนี้เราอาจจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาประเมินความแข็งแรงของโครงสร้างเดิม หากมีการพบปัญหาส่วนที่เสียหายอาจจะต้องซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อน ถ้าละเลยเรื่องนี้ไปอาจจะมีปัญหาใหญ่ตามมาทีหลัง

5. วัสดุก่อสร้าง

เราควรศึกษาข้อมูลเรื่องวัสดุต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงคุณสมบัติของวัสดุแต่ละชนิด การหาข้อมูลหรือปรึกษาผู้มีประสบการณ์ จะช่วยทำให้เราทราบข้อมูลเพิ่มขึ้น เพื่อเพื่อใช้ในการตัดสินใจใช้วัสดุให้ตอบโจทย์การใช้งานจริง ไม่จำเป็นต้องเลือกซื้อวัสดุที่แพงหรือถูกจนเกินไป ต้องคำนึงถึงมาตรฐานคุณภาพของวัสดุต่างๆ เพื่อความปลอดภัยในการการใช้งานจริง

6. การเลือกผู้รับผิดชอบงาน

ควรเลือกผู้บริษัทหรือผู้รับเหมานั้นมีความสำคัญต่องานเป็นอย่างยิ่ง ต้องเลือกบริษัทหรือผู้รับเหมาที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยอาจจะเลือกร่วมงานกับผู้รับเหมาที่เป็นในรูปแบบของบริษัท มีที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง ในกรณีที่มีปัญหาอะไร ผู้จ้างงานสามารถติดต่อ สอบถามได้สะดวกยิ่งขึ้น ควรมีการร่างสัญญาจ้างงานเป็นลายลักษณ์อักษรใช้ชัดเจน ระบุข้อมูลต่างๆอย่างละเอียด เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ จะได้ดำเนินการต่อไปในทางกฎหมาย